เหรียญครบรอบ ๑๐๐ปีเกิดหลวงพ่อปาน “ เหรียญเศรษฐี ” ทองแดงรมดำ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
|
||||||||||||||||
|
||||||||||||||||
ส่งข้อความ
|
||||||||||||||||
ชื่อร้านค้า
|
พลศรีทองพระเครื่อง( บู เชียงราย ) | |||||||||||||||
โดย
|
ponsrithong | |||||||||||||||
ประเภทพระเครื่อง
|
พระเครื่องหลวงพ่อฤาษีลิงดำ | |||||||||||||||
ชื่อพระ
|
เหรียญครบรอบ ๑๐๐ปีเกิดหลวงพ่อปาน “ เหรียญเศรษฐี ” ทองแดงรมดำ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง |
|||||||||||||||
รายละเอียด
|
เหรียญครบรอบ ๑๐๐ปีเกิดหลวงพ่อปาน “ เหรียญเศรษฐี ” ทองแดงรมดำ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง หลวงพ่อท่านสร้างเมื่อปี พ.ศ.2518 เนื่องในวาระ ครบรอบ ๑๐๐ปีเกิดหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค เป็นเหรียญทรงกลม เนื้อรมดำ ด้านหน้าเหรียญเป็นรูปหลวงพ่อปานครึ่งองค์ ด้านหลังเป็นรูปพระพุทธ ยันต์มะอะอุ ตามแบบฉบับพระเนื้อดินที่หลวงพ่อปานท่านได้สร้างไว้เป็นที่รู้จักโด่งดังไปทั่ว แรกเริ่มเดิมทีในวงการเรียกเหรียญนี้ว่า “เหรียญกลมครบรอบ๑๐๐ปีเกิดหลวงปู่ปาน” แต่มาภายหลังจากหลวงพ่อท่านมรณภาพแล้ว มีศิษย์พูดๆกันว่า พระผู้ใหญ่ที่วัดท่านเคยได้ยินหลวงพ่อบอกว่าเหรียญนี้ต่อไปจะอยู่ในคอเศรษฐีเท่านั้น บ้างก็ว่าเป็นกระแสในการปั่นราคาพระในขณะนั้น พูดให้มีจุดขาย บ้างก็ว่าเป็นเรื่องที่ยืนยันได้ ก็ว่ากันไป..พระหลวงพ่อท่านดีหมด ไม่ว่าจะเรียกชื่อรุ่นกันว่าอะไร ต่อไปก็จะหายากทั้งนั้น ซึ้งต่อมาภายหลังก็เรียกเหรียญรุ่นนี้กันติดปากว่า “ เหรียญเศรษฐี ” องค์นี้เป็นเนื้อรมดำ (จะไม่มีโบว์บารมี30ทัศ) สภาพเดิมๆ ****************************************************** รู้ไว้ใช่ว่า ที่มาของชื่อ “ เหรียญเศรษฐี ” แรกเริ่มเดิมทีเหรียญนี้เราจะเรียกกันว่า “เหรียญกลม 100ปีเกิดหลวงพ่อปาน” ลูกศิษย์ลูกหาเรียกชื่อนี้กันมานานจนหลวงพ่อท่านละสังขาร แต่หลังจากนั้น ในวงการพระสายหลวงพ่อก็มีการเปลี่ยนมาเรียกว่า “เหรียญเศรษฐี” เพราะมีคำบอกเล่าจากพระผู้ใหญ่ที่วัดท่านนึง (ปัจจุบันท่านมรณะภาพแล้ว) ท่านเล่าว่า…………..ระหว่างหลวงพ่อท่านนั่งรับสังฆทาน ช่วงนั้นก็มีการแจกเหรียญนี้เป็นที่ระลึก ก็มีโยมคนหนึ่งเข้ามาถวายสังฆทาน ถวายเสร็จหลวงพ่อก็แจกเหรียญนี้ให้ โยมคนนั้นก็บอกกับหลวงพ่อประมาณว่า โยมไม่เอา โยมมีพระของหลวงพ่อเยอะแล้ว ให้เอาไว้แจกคนอื่นๆต่อไปดีกว่าครับ หลวงพ่อท่านก็บอกว่า…รับไปเถอะ ต่อไปเหรียญนี้จะอยู่กับเศรษฐีเท่านั้น เรื่องราวคร่าวๆประมาณนี้……….. แต่ก็ยังไม่มีใครหาเทปหรือบันทึกที่หลวงพ่อท่านกล่าวไว้ได้เลย มีการพูดกันในกลุ่มผู้เล่นพระสายหลวงพ่อ ว่าหลวงพ่อมีการกล่าวไว้อย่างนั้นด้วยหรือ มีหลายคนที่ได้ฟังเรื่องราวนี้ ก็เช็คข่าวๆกันว่ามีใครเคยได้ยินเรื่องนี้บ้าง มีใครรู้บ้าง ก็คุยหัวเราะกันไปว่า ขำขำกันไปว่า…สงสัยท่านคงได้ยินแค่คนเดียว จากนั้นเรื่องราวนี้ก็มีการพูดปากต่อปากไปเรื่อยๆ แต่ดูเหมือนเรื่องทำท่าจะไม่มีอะไร ราคากลางพระรุ่นนี้ตอนนั้นก็ไม่ได้มีการขยับขึ้นหวือหวา หลายๆคนก็ยังไม่ได้เรียกว่าเหรียญเศรษฐีด้วยซ้ำไป ยังคงเรียกเหรียญกลม100ปีเกิดหลังพระพุทธ จนมีคนนำเหรียญรุ่นนี้เข้าประมูลในเว๊ปพลังจิต และมีการนำเอาคำกล่าวนี้มาพูดถึง “…ว่าเหรียญนี้จะอยู่ในคอเศรษฐีเท่านั้น…” เป็นจุดขายสำคัญ (ถ้าเปรียบเป็นนักธุรกิจ ก็เรียกได้ว่าตอนนั้นคนนี้เป็นนักการตลาดขั้นเทพ) จุดประเด็นคำพูดนี้จนราคาประมูลขยับขึ้นมาจากราคาที่ซื้อขายกันในท้องตลาดราวๆ1เท่าตัว และจากนั้นไม่กี่วัน ก็มีการนำเหรียญที่2มาลงประมูลอีก คราวนี้ราคาพุ่งทะลุหมื่นกว่าบาท ในวงการพระเครื่องสายหลวงพ่อตะลึ่งกันทั้งหมดว่าเกิดอะไรขึ้น คราวนี้ก็วิ่งเสาะแสวงหาเหรียญนี้กันยกใหญ่ ราคากลางเริ่มขยับขึ้นมายื่นเหยียบๆหมื่นในช่วงนั้นภายในเวลาไม่ถึงเดือน และก็มีการเรียกชื่อเหรียญนี้ว่า “เหรียญเศรษฐี” กันในวงกว้างขึ้นจนมาถึงปัจจุบันนี้ ที่นำมาเล่าก็แค่อยากให้คนรุ่นหลังๆทราบที่มาที่ไป ว่าทำไมจึงเรียกกันว่า เหรียญเศรษฐี ส่วนความต้องการก็เป็นไปตามกลไกของตลาด แต่ข้อมูลและข้อเท็จจริงก็เป็นเรื่องที่น่าจะรู้กันไว้ เอามาเล่าสู่กันฟังประดับเป็นความรู้ไม่เสียหายนะ ส่วนเรื่องเล่านี้ หลวงพ่อท่านพูดไว้จริงไหม ต้องไปหาคำตอบกันเอง ผมเองก็ไม่รู้ ก็ได้ยินมาแบบนั้นเหมือนๆกัน แต่ก็มีข้อให้คิดอยู่เหมือนกัน ว่าทำไมถึงมาเรียกชื่อว่า “เหรียญเศรษฐี” หลังจากหลวงพ่อท่านมรณภาพแล้ว ทำไมไม่มีใครกล่าวอ้างกันตั้งแต่แรกเริ่มว่าหลวงพ่อกล่าวกันไว้แบบนี้ เหมือนกับพระคำข้าวรุ่นปืนแตก (ชื่อนี้ถูกตั้งตั้งแต่แรกเริ่ม เพราะหลวงพ่อกล่าวไว้เลยว่า ใครเอาไปทดลองยิง ถ้ายิงเกิน3ครั้ง ปืนจะแตก) ส่วนประเด็นเรื่องเหรียญผิวรมดำรุ่นนี้ มีสร้างที่วัดบางนมโคด้วยเหรอ? ก็ต้องขอตอบตามความเป็นจริง..ว่ามีสร้างด้วย แต่เหรียญผิวรมดำก็มีออกที่วัดท่าซุงด้วยเช่นเดียวกัน แล้วมันจะเป็นไปได้เหรอว่ามีออกที่วัดบางนมโคด้วย โดยใช้บล็อคเดียวกันเลย ก็ต้องลองนึกถึงเหรียญรูปไข่ครบรอบ100ปีเกิดหลวงปู่ปานที่ด้านหลังเป็นยันต์เกราะเพชร (หรือที่ในวงการพระเครื่องเรียกกันว่า เหรียญบิน) เหรียญนี้ของวัดท่าซุงจะเป็นเหรียญอัลบาก้าตอกเลขไทย ส่วนของวัดบางนมโคเป็นแบบชุบทองตอกเลขอารบิค โดยตัวเหรียญเป็นบล็อคเดียวกัน // หรือจะเป็นอีกรุ่นคือเหรียญเอกราชรุ่น1หลังยันต์เกราะเพชร ถ้าของวัดท่าซุงจะมีตัวอักษรซ้อนด้านหน้า ส่วนของวัดบางนมโคไม่มี แต่รูปลักษณ์ของเหรียญคล้ายกัน // หรือจะเป็นพระบูชา5นิ้วหลวงปู่ปานก็มี องค์ที่ฐานด้านหน้าสลักว่า “ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ” พิมพ์นี้จะมี่ออกทั้งที่วัดท่าซุงและที่วัดบางนมโค ซึ่งจากที่กล่าวมา ก็แสดงให้เห็นว่า เหรียญเศรษฐีผิวรมดำ ก็ไม่แปลกอะไรที่วัดบางนมโคจะทำเหรียญนี้ออกมาด้วย เท่าที่ทราบข้อมูลนี้ก็รู้มาจากลูกศิษย์รุ่นเก่า ที่เค้ายืนยันว่าเค้าบูชาเหรียญรมดำนี้มาจากวัดบางนมโค และก็มีเพื่อนๆกันก็เล่าให้ฟังเช่นกันว่า เค้าก็ไปเจอมา เจ้าของบอกว่าบูชามาจากวัดบางนมโคเหมือนกัน ถ้าย้อนอดีตไปในช่วงพระหลวงพ่อยังไม่มีใครเล่นหากัน ในวงการพระเครื่องสายหลวงพ่อเราจะไม่เล่นผิวรมดำนี้เลยด้วยซ้ำไป เพราะตีไปเป็นของวัดบางนมโคทั้งหมด แต่พอมาหลังๆก็มีการซื้อขายกันหมด ไม่มีการแยกแล้ว แต่ก็แปลก…กลับไม่มีใครบอกว่าเหรียญรุ่นนี้ผิวรมดำนั้นมีออกวัดบางนมโคด้วย เล่นเป็นของวัดท่าซุงทั้งหมดไปเลย แถมมีการนำเหรียญผิวรมดำเอามาชุบทองใหม่เสียอีกจะได้ดูเป็นของวัดท่าซุงแบบไม่ต้องมีประเด็นสงสัยตามมาภายหลัง แถมเอาโบว์ของเหรียญของขวัญวันเกิด (ให้สังเกตุว่าโบว์ด้านหลังจะเรียบ) มาใส่อีก ให้ดูครบถ้วนเหมือนออกจากวัด (ถ้าดูไม่เป็นนะ) เล่นกันสับสนไปหมด ชุบเดิมชุบใหม่ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเหรียญผิวรมดำเหรียญไหนออกวัดบางนมโค เหรียญไหนออกวัดท่าซุง คงเป็นคำถามตามมาอีก เหรียญมีทั้งเหรียญหนาและเหรียญบาง…ยังเป็นประเด็นต่อไป (แต่ถ้าถามความคิดเห็นส่วนตัว เลือกได้จะเลือกเหรียญบางชุบทองเดิมๆมีโบว์เดิมๆไว้ก่อน ถ้าเป็นรมดำก็เน้นเอาเหรียญบางไว้ก่อน ส่วนใครจะชอบแบบไหน ก็เป็นความชอบของแต่ละคนนะ) พระของหลวงพ่อท่านดีทั้งหมด ไม่ว่าจะเรียกชื่อรุ่นกันว่าอะไร ต่อไปก็จะหายากทั้งนั้น จะหาเหรียญรุ่นนี้สะสมไว้ ก็เลือกเอาแบบที่เราชอบแล้วกัน ใครชอบรมดำก็หารมดำ ใครชอบแบบชุบทองเดิมๆมีโบว์เดิมๆก็หาแบบนั้น เลือกเอาแบบที่เราสบายใจแล้วกันเนอะ ขอบคุณข้อมูล จาก พี่ยอด เศรษฐีธรรม หลวงพ่อพระราชพรหมยาน “หลวงพ่อพระราชพรหมยาน” หรือ “หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ” วัดจันทาราม (ท่าซุง) อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี เป็นพระอริยสงฆ์ที่มีชื่อเสียงเลื่องลือด้านการบำเพ็ญวิปัสสนากรรมฐาน ตามปูมประวัติหลังมรภาพสังขารของท่านมิได้เน่าเปื่อยและได้มีการเก็บรักษาไว้ที่วัดท่าซุงจนถึงปัจจุบันนี้ ได้มีการกล่าว กันว่า คนที่ต้องการเป็นศิษย์ของ “หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ” ไม่ต้องขออนุญาตแม้ว่าไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันเลยสักครั้งก็รับเป็นศิษย์ได้ เพียงแต่ขอให้ได้มีการปฏิบัติตน หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ ได้ศึกษาพระกรรมฐานจากครูอาจารย์หลายท่าน อาทิ หลวงพ่อปาน โสนันโท วัดบางนมโค, หลวงพ่อจง พุทธสโร วัดหน้าต่างนอก, พระอาจารย์เล็ก เกสโร วัดบางนมโค, พระครูรัตนภิรมย์ วัดบ้านแพน, พระครูอุดมสมาจารย์ วัดน้ำเต้า, หลวงพ่อสุ่น วัดบางปลาหมอ, หลวงพ่อเนียม วัดน้อย, หลวงพ่อโหน่ง อินฺทสุวณฺโณ วัดอัมพวัน (วัดคลองมะดัน) และหลวงพ่อเรื่อง วัดใหม่พิณสุวรรณ พ.ศ.2481 เข้ามาจำพรรษาวัดช่างเหล็ก อ.ตลิ่งชัน จ.ธนบุรี เพื่อเรียนภาษาบาลี สอบได้เปรียญธรรม 3 ประโยค ได้ย้ายมาอยู่วัดอนงคาราม หลังจากนั้นได้เป็นรองเจ้าคณะ 4 วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เป็นเจ้าอาวาสวัดบางนมโค และย้ายไปอีกหลายวัดจน…พ.ศ.2511 จึงมาอยู่วัดท่าซุง บูรณะซ่อม สร้างและขยายวัดท่าซุง จากเดิมพื้นที่ 6 ไร่เศษ จนกระทั่งมีบริเวณพื้นที่ประมาณ 289 ไร่ พ.ศ.2527 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ “พระสุธรรมยานเถร” พ.ศ.2532 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราช ที่ “พระราชพรหมยาน ไพศาลภาวนานุสิฐ มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี” **************************************** วิธีอาราธนา คำอาราธนา ให้ระลึกถึงพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหมด รวมทั้งเทวดาและพรหม ครูบาอาจารย์ทั้งหมด มีหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อ.เสนา จ.อยุธยา เป็นที่สุด แล้วตั้งนะโม ๓ จบ ปฏิบัติตามปกติว่าอิติปิโส ๑ จบ หลังจากนั้นให้อธิษฐานเอาตามประสงค์ เมื่ออธิษฐานแล้ว ปลุกด้วย คาถาปลุกพระของหลวงพ่อปานว่า “ อิทธิฤทธิ พุทธะนิมิตตัง ขอเดชะ เดชัง ขอเดชเดชะ จงมาเป็นที่พึ่งแก่มะอะอุนี้เถิด ” ******************************************** เพื่อความคล่องตัวในด้านการเงิน ใช้ท่องกับคาถาเงินล้านครับ การเงินจะคล่องตัว คาถาเงินล้าน (ตั้ง นะโม ๓ จบ ) สัมปจิตฉามิ นาสังสิโม พรหมา จะ มหาเทวา สัพเพยักขา ปะรายันติ (คาถาปัดอุปสรรค) พรหมา จะ มหาเทวา อภิลาภา ภะวันตุ เม (คาถาเงินแสน ) มหาปุญโญ มหาลาโภ ภะวันตุ เม (คาถาลาภไม่ขาดสาย) มิเตภาหุหะติ (คาถาเงินล้าน) พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา วิระอิทถิโย พุทธัสสะ มานีมามะ พุทธัสสะ สวาโหม (คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า) สัมปะติจฉามิ (คาถาเร่งลาภให้ได้เร็วขึ้น) เพ็ง ๆ พา ๆ หา ๆ ฤา ๆ ( บูชา ๙ จบ ตัวคาถาต้องว่าทั้งหมด ) “เมื่อเราคิดถึงท่าน ท่านก็จะมาอยู่ในใจเรา เมื่อใดที่เรามีทุกข์ร้อนใจ เพียงระลึกถึงคำสอนของท่าน ท่านก็จะมาอยู่ข้างเรา…..” พลศรีทอง พระเครื่อง โดย บู เชียงราย . https://ponsrithong.com/ web (main) พระเครื่อง : บู เชียงราย ร้านพลศรีทอง พระเครื่อง Web ( มุมพระ) : มุมพระ https://www.mumpra.com/shop.php?shopid=507 web (99wat) : 99วัด http://www.ponsrithong.99wat.com/ Facebook เพจพลศรีทอง พระเครื่อง บู เชียงราย : https://www.facebook.com/ponsrithong/ IG :https://www.instagram.com/bu_chiangrai.amulet/ |
|||||||||||||||
ราคา
|
โชว์ | |||||||||||||||
เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ
|
0639695995 | |||||||||||||||
ID LINE
|
busoftware52 | |||||||||||||||
จำนวนการเข้าชม
|
961 ครั้ง | |||||||||||||||
บัญชีธนาคารที่ใช้ยืนยันตัวตน
|
ธนาคารไทยพาณิชย์ / 282-2-248xx-x
|
|||||||||||||||
แสดงความคิดเห็น | ||||||||||||||||
|